ข้อดีของการเลือกใช้งานคาร์ซีท ISOFIX

ข้อดีของการเลือกใช้งานคาร์ซีท ISOFIX

4 เหตุผลที่ควรเลือกใช้งาน คาร์ซีท ISOFIX

        ความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทเด็ก (Car Seat) ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการติดตั้งคาร์ซีทเพื่อการใช้งานภายในรถยนต์ส่วนบุคคล หรือการช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับทารกแรกเกิดและเด็กเล็กที่นั่งอยู่บนเบาะคาร์ซีทในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากการชน การปะทะ หรือการกระแทก ในระหว่างที่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในข้อพิจารณาที่มีความสำคัญมากที่สุดสำหรับคุณพ่อและคุณแม่มือใหม่ที่ต้องการจะเลือกซื้อคาร์ซีทเด็กไปติดตั้งเพื่อการใช้งานให้กับลูกน้อยของตนเอง เพื่อความปลอดภัยที่มากที่สุดสำหรับลูกน้อย

        ส่งผลให้ในปัจจุบันนี้ บริษัทผู้ผลิตคาร์ซีทในท้องตลาดจำนวนมากจึงไม่หยุดที่จะคิดค้น ออกแบบ และพัฒนาคาร์ซีทในรูปแบบใหม่ขึ้นมา เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ในด้านของการติดตั้งและการใช้งานคาร์ซีทได้อย่างปลอดภัยมากที่สุด จนเป็นที่มาของคาร์ซีท ISOFIX หรือที่มีชื่อเรียกแบบเต็ม ๆ ว่า International Standards Organization Fix ซึ่งถือได้ว่าเป็นคาร์ซีทที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมด้วยข้อดีในด้านต่าง ๆ มากมาย ที่จะมาช่วยยกระดับมาตรฐานในด้านความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ทุกคนที่นั่งอยู่บนคาร์ซีทเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ข้อดีของการเลือกใช้งานคาร์ซีท ISOFIX

1. คาร์ซีท ISOFIX ช่วยลดความเสี่ยงในการติดตั้งคาร์ซีทแบบผิดวิธี

        คาร์ซีท ISOFIX ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมสำหรับคาร์ซีทรูปแบบใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาในด้านของการติดตั้งคาร์ซีทเด็กอย่างไม่ถูกต้องในกรณีที่ต้องมีการติดตั้งคาร์ซีทเด็กด้วยระบบ Safety Belt โดยเฉพาะ โดยมีผลสำรวจจาก National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ระบุว่า มีคาร์ซีทเด็กมากถึง 59% ที่ไม่ได้มีการติดตั้งเพื่อการใช้งานอย่างถูกวิธี เพราะในการติดตั้งคาร์ซีทด้วยระบบ Safety Belt นั้น คุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองที่เป็นผู้ทำการติดตั้งคาร์ซีทจำเป็นที่จะต้องนำเอาสายของเข็มขัดนิรภัยภายในรถยนต์มาร้อยคาดผ่านที่บริเวณฐานของคาร์ซีท ก่อนจะนำหัวของเข็มขัดนิรภัยไปเสียบเข้ากับบริเวณตัวล็อก และทำการปรับระดับความแน่นของสายเข็มขัดนิรภัยเพื่อช่วยยึดตัวคาร์ซีทให้ตั้งอยู่กับที่ได้อย่างมั่นคงด้วยตนเอง ซึ่งในขั้นตอนการติดตั้งดังกล่าวนี้อาจทำให้เกิดความผิดพลาดจากการร้อยสายเข็มขัดนิรภัยผิดตำแหน่ง หรือการปรับระดับของสายเข็มขัดนิรภัยที่ไม่แน่นหนา จนทำให้คาร์ซีทเด็กไม่สามารถปกป้องเด็ก ๆ ที่นั่งอยู่ภายในเบาะคาร์ซีทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเพียงพอ

        แต่สำหรับการใช้งานคาร์ซีท ISOFIX นั้น สำหรับรถยนต์ยุโรปรุ่นใหม่ ๆ ที่ได้มีการผลิตขึ้นมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ 2006 เป็นต้นไป จะถูกกำหนดให้มีการติดตั้งจุดยึด ISOFIX ในเบาะรถยนต์ เพื่อช่วยให้รถยนต์สามารถรองรับการติดตั้งคาร์ซีท ISOFIX ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสำหรับวิธีในการติดตั้งคาร์ซีท ISOFIX เพื่อการใช้งานนั้นก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่การดึงเอาฐานเหล็กออกมาจากบริเวณใต้คาร์ซีท แล้วนำเอาฐานเหล็กนั้นไปเสียบเข้ากับจุดยึด ISOFIX ในเบาะรถยนต์ให้ลงล็อก ซึ่งจะสามารถสังเกตได้จากการที่สัญลักษณ์ ISOFIX ขึ้นโชว์เป็นสีเขียวแค่เพียงเท่านั้น ซึ่งวิธีการติดตั้งดังกล่าวนี้สามารถทำให้คาร์ซีท ISOFIX ช่วยลดความเสี่ยงในการติดตั้งคาร์ซีทแบบผิดวิธีลงได้มากถึง 96% และช่วยให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่าลูกน้อยของตนเองนั้นจะสามารถนั่งอยู่บนคาร์ซีทเด็กที่ตนเองเป็นผู้ติดตั้งได้อย่างปลอดภัยตลอดการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลอย่างแน่นอน

      

2. คาร์ซีท ISOFIX ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size

        มาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในมาตรฐานด้านความปลอดภัยของการใช้งานคาร์ซีทเด็กภายในรถยนต์ส่วนบุคคลฉบับล่าสุด (พ.ศ.2556) ที่ได้ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อเป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้งานให้กับคาร์ซีทเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะหนึ่งในข้อกำหนดที่มีความสำคัญที่สุดที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ในการพิจารณาว่า คาร์ซีทเด็กตัวนั้น ๆ จะได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size หรือไม่นั้น คือ ข้อกำหนดที่ว่า “คาร์ซีทที่จะได้รับการรับรองด้วยมาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size จะต้องมีการติดตั้งด้วยระบบของคาร์ซีท ISOFIX เท่านั้น” ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวนี้ก็มีขึ้นมาเพื่อเป็นการช่วยลดความเสี่ยง และช่วยป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ ทุกคนที่นั่งอยู่บนคาร์ซีทเด็กได้รับอันตรายจากการติดตั้งคาร์ซีทอย่างไม่ถูกต้อง หรือติดตั้งคาร์ซีทอย่างไม่แน่นหนามากเพียงพอ

3. คาร์ซีท ISOFIX มีระบบการติดตั้งที่แข็งแรงและแน่นหนา

       ระบบการติดตั้งของคาร์ซีท ISOFIX ถือได้ว่าเป็นระบบการติดตั้งคาร์ซีทที่ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานในระดับสากล และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายจากผู้ใช้งานทั่วโลกว่า เป็นระบบการติดตั้งคาร์ซีทเด็กที่มีความแข็งแรงและแน่นหนามากที่สุด เนื่องจากคาร์ซีท ISOFIX นั้นถูกติดตั้งโดยวิธีการล็อกเข้ากับจุดยึดโลหะที่บริเวณเบาะรถยนต์โดยตรง จึงทำให้คาร์ซีทเด็กสามารถยึดติดอยู่กับเบาะของรถยนต์ได้อย่างแข็งแรง แน่นหนา และมีความปลอดภัยมากกว่าการติดตั้งคาร์ซีทด้วยวิธีการอื่น ๆ ส่งผลให้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นการกระแทก การชน หรือการเบรกรถอย่างกะทันหัน คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านก็สามารถมั่นใจได้ว่า คาร์ซีท ISOFIX จะไม่มีการขยับเขยื้อนจากตำแหน่งที่ได้มีการติดตั้ง หรือมีการขยับเขยื้อนไปจากตำแหน่งที่ได้มีการติดตั้งอย่างน้อยที่สุด รวมถึงคาร์ซีท ISOFIX จะไม่มีการหลุดออกจากตัวล็อกที่บริเวณเบาะรถยนต์จนทำให้เด็ก ๆ ที่นั่งอยู่บนเบาะคาร์ซีทได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้อย่างแน่นอน

4. คาร์ซีท ISOFIX มีมาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือกว่า

       แม้ว่าคาร์ซีท ISOFIX จะถือได้ว่าเป็นคาร์ซีทที่ได้รับการยอมรับเกี่ยวกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งในการติดตั้งคาร์ซีทเพื่อการใช้งาน และการช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของการบาดเจ็บในกรณีที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากการชน การปะทะ หรือการกระแทก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่บริษัทผู้ผลิตคาร์ซีท ISOFIX ส่วนใหญ่นั้นยังคงนำเอาคาร์ซีท ISOFIX มาทำการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่เหนือกว่าให้กับเด็กเล็กและทารกวัยแรกเกิดที่นั่งอยู่ในเบาะคาร์ซีททุกคน

       โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่สามารถยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีทให้เหนือกว่า คือ เทคโนโลยี Patented Britax Römer Pivot Link ISOFIX System หรือ เทคโนโลยี Pivot Link ISOFIX ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะที่ทาง Britax ได้มีการคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาโดยอาศัยกลไกการทำงานของระบบ ISOFIX ในการช่วยป้องกันและลดแรงกระทำที่อาจเกิดขึ้นที่บริเวณคอของเด็ก ๆ ในขณะที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุ เพื่อเป็นการช่วยปกป้องบริเวณลำคอ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบริเวณที่มีความเปราะบางมากเป็นพิเศษ และช่วยในการลดความเสี่ยงที่เด็ก ๆ อาจเกิดการคอหัก หรือได้รับความเสียหายที่บริเวณกระดูกสันหลัง จนนำไปสู่การเป็นอัมพาตหรือการเสียชีวิตได้

โดย Britax คือ บริษัทผู้ผลิตคาร์ซีท (Car Seat) จากเยอรมันที่ปลอดภัยที่สุด ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอย่าง ECE R44 และ ECE R129 หรือ i-Size และระบบคาร์ซีท ISOFIX รายแรกของโลก อีกทั้งยังได้รางวัลการันตีความปลอดภัยอีกมากมายจากหลายสถาบันในอุตสาหกรรมรถยนต์ และที่ Britax Thailand เราให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้รับสินค้าที่มีการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านสามารถไว้วางใจในคุณภาพและความสบายของลูกน้อยในระหว่างการใช้งานคาร์ซีท และ รถเข็นเด็ก ทุกรุ่นของ Britax ได้เป็นอย่างดีเสมอ และเรายังมีบริการดูแลและรับประกันสินค้าถึง 24 เดือนในกรณีสินค้าชำรุดสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันสินค้าได้ทางหน้าเว็บไซต์ทันที


สอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อ

Call center : 02 538 6700

Call center : 084 388 3887

Email : Info@BritaxThailand.com

Line: @britaxthailand

 

Visitors: 735,839