ความแตกต่างของคาร์ซีทที่ผลิตในอเมริกา และยุโรป

ความแตกต่างของคาร์ซีทที่ผลิตในอเมริกา และยุโรป

3 ข้อแตกต่างของคาร์ซีทจากฝั่งอเมริกา และฝั่งยุโรป ที่ควรรู้

 

        คาร์ซีท (Car Seat) หรือเบาะนั่งนิรภัยภายในรถยนต์สำหรับเด็ก เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับครอบครัวที่กำลังมีลูกน้อยอยู่ในวัยทารก หรืออยู่ในวัยที่ยังไม่สามารถใช้งานเข็มขัดนิรภัยภายในรถยนต์ได้อย่างพอดี เพราะคาร์ซีทเป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่สำคัญในการช่วยปกป้องและช่วยลดความรุนแรงในการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับลูกน้อยในระหว่างการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้

        เพราะฉะนั้นแล้ว ในการเลือกซื้อคาร์ซีทเด็กเพื่อการนำมาใช้งานทุกครั้ง คุณพ่อ คุณแม่ รวมถึงผู้ปกครองทุกท่านจึงไม่เพียงแต่จะต้องทำการเลือกซื้อคาร์ซีทเด็กให้เหมาะสมกับสรีระร่างกายของลูกน้อยแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองท่านยังจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับฐานการผลิตของคาร์ซีทเด็กที่ต้องการเลือกนำมาใช้งานด้วยเช่นกัน เพราะคาร์ซีทเด็กที่ถูกผลิตขึ้นมาจากประเทศที่แตกต่างกันทั้งจากฝั่งอเมริกาและฝั่งยุโรปนั้น ล้วนมีรูปแบบของคาร์ซีท รวมถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทเด็กที่แตกต่างกันตามไปด้วย


ความแตกต่างของคาร์ซีทที่ถูกผลิตขึ้นในอเมริกา และยุโรป

ความแตกต่างของขนาดคาร์ซีท

        คาร์ซีทเป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยภายในรถยนต์สำหรับที่มีหน้าที่สำคัญในการช่วยปกป้องเด็ก ๆ ทุกคนที่นั่งอยู่บนเบาะคาร์ซีทให้มีความปลอดภัย และได้รับบาดเจ็บหรือได้รับความกระทบกระเทือนในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นการชน การปะทะ หรือการกระแทก ที่น้อยที่สุด ส่งผลให้คาร์ซีทเด็กที่ถูกผลิตขึ้นมาในแต่ละภูมิภาคไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งอเมริกา หรือทางฝั่งยุโรปนั้น จึงเป็นคาร์ซีทที่ถูกออกแบบและผลิตขึ้นมาเพื่อให้สามารถรองรับกับสรีระร่างกายของเด็ก ๆ ที่มีความแตกต่างกันออกไปตามชาติพันธุ์ของตนเองให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นการช่วยสนับสนุนให้เด็ก ๆ สามารถนั่งอยู่บนเบาะของคาร์ซีทได้อย่างถูกต้องตามหลักศรีรศาสตร์ เพื่อการช่วยให้เด็ก ๆ สามารถนั่งอยู่บนคาร์ซีทได้อย่างพอดีตัว ไม่อึดอัด และรู้สึกสะดวกสบาย พร้อมทั้งสามารถได้รับการปกป้องดูแลที่ดีและปลอดภัยมากที่สุดตลอดการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล

        ส่งผลให้คาร์ซีทเด็กแต่ละประเภทที่ถูกผลิตขึ้นมาในอเมริกาและยุโรปจึงมีความแตกต่างของขนาดคาร์ซีทที่สามารถแบ่งออกได้ตามช่วงอายุ น้ำหนักตัว และส่วนสูงของเด็ก ๆ ดังนี้

คาร์ซีทที่ถูกผลิตขึ้นมาในอเมริกา

  • คาร์ซีทกระเช้าสำหรับเด็กแรกเกิด (Baby Car Seat) เหมาะสำหรับทารกวัยแรกเกิด จนถึงวัย 15 เดือน หรือทารกที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 0-16 กิโลกรัม และมีส่วนสูงไม่เกิน 81 เซนติเมตร
  • คาร์ซีทเด็กเล็ก (Toddler Car Seat)เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่มีอายุตั้งแต่ แรกเกิดไปจนถึง 7 ปี หรือเด็กเล็กที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 29 กิโลกรัม และมีส่วนสูงไม่เกิน 125 เซนติเมตร
  • คาร์ซีทสำหรับเด็กโต หรือ บูสเตอร์ซีท (Booster Seat)เหมาะสำหรับเด็กโตที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปี ไปจนถึง 12 ปี หรือเด็กโตที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 11 - 54 กิโลกรัม และมีส่วนสูงตั้งแต่ 86-160 เซนติเมตร

คาร์ซีทที่ถูกผลิตขึ้นมาในยุโรป

  • คาร์ซีทกระเช้าสำหรับเด็กแรกเกิด (Baby Car Seat)เหมาะสำหรับทารกวัยแรกเกิด จนถึงวัย 15 เดือน หรือทารกที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 0-13 กิโลกรัม และมีส่วนสูงตั้งแต่ 40-83 เซนติเมตร
  • คาร์ซีทเด็กเล็ก (Toddler Car Seat)เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่มีอายุตั้งแต่ 9 เดือน ไปจนถึง 4 ปี หรือเด็กเล็กที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 18 กิโลกรัม และมีส่วนสูงตั้งแต่ 61-105 เซนติเมตร
  • คาร์ซีทสำหรับเด็กโต หรือ บูสเตอร์ซีท (Booster Seat) เหมาะสำหรับเด็กโตที่มีอายุตั้งแต่ 9 เดือน ไปจนถึง 12 ปี หรือเด็กโตที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 15 - 36 กิโลกรัม และมีส่วนสูงตั้งแต่ 100-150 เซนติเมตร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

      

ความแตกต่างด้านมาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีท

        มาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีทเป็นหนึ่งในมาตรฐานสำคัญที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อเป็นการช่วยยืนยันให้คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองทุกท่าน สามารถมั่นใจและไว้วางใจได้ว่าคาร์ซีทที่ตนเองได้ทำการเลือกซื้อมาให้กับลูกน้อยนั้น มีความสามารถในการปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่คาดฝันได้อย่างดีที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วเพื่อความปลอดภัยที่มากที่สุดในการใช้งานคาร์ซีทในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล คาร์ซีทเด็ก และคาร์ซีท isofix ทุกตัวที่ถูกผลิตขึ้นมาในอเมริกาจำเป็นที่จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีท มาตรฐาน FMVSS 213 (Federal Motor Vehicle Safety Standards for Child Restraint Systems) ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยของคาร์ซีทเด็กที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อการทดสอบด้านความปลอดภัยของคาร์ซีทจากการจำลองอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดจากการชนที่บริเวณด้านหน้าและด้านข้างของรถยนต์

        ในขณะที่คาร์ซีทที่ถูกผลิตขึ้นในยุโรปจำเป็นที่จะต้องได้รับการทดสอบและการรับรองในด้านของความปลอดภัยของคาร์ซีทจากมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลทั้งหมด 2 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐาน ECE R44/04 Child Restraint Systems และ มาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ว่าด้วยการทดสอบความปลอดภัยของคาร์ซีทจากการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดจากการชนที่บริเวณด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง รวมไปถึงการพลิกคว่ำหลายตลบ (Rollover Test)

        ซึ่งด้วยมาตรฐานในด้านความปลอดภัยของคาร์ซีทที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละภูมิภาคนี้ ส่งผลให้คาร์ซีทเด็กที่ถูกผลิตขึ้นมาในยุโรปจึงไม่สามารถนำมาใช้งานในอเมริกาได้อย่างถูกกฎหมาย เช่นเดียวกันกับคาร์ซีทที่ถูกผลิตขึ้นจากทางฝั่งของอเมริกาที่ไม่สามารถนำมาใช้งานในยุโรปได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้ว คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองทุกท่านที่ต้องการจะเลือกซื้อคาร์ซีทให้กับบุตรหลานของตนเองนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทำการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดและกฎหมายเกี่ยวกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทของประเทศตนเองอย่างถี่ถ้วน เพื่อการใช้งานคาร์ซีทได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยโดยที่ไม่ขัดต่อหลักกฎหมายความปลอดภัยภายในประเทศนั่นเอง


ความแตกต่างด้านระบบการติดตั้งคาร์ซีท

        ในปัจจุบันนี้ วิธีการในการติดตั้งคาร์ซีทเด็กที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีการที่มีความปลอดภัยและสามารถช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองทุกท่านที่ต้องทำการติดตั้งคาร์ซีทเด็กเพื่อการใช้งานภายในรถยนต์นั้น คือวิธีการติดตั้งคาร์ซีทเด็กด้วยการใช้ตัวยึดที่ถูกติดตั้งเอาไว้ที่บริเวณฐานของเบาะคาร์ซีท ยึดเข้ากับบริเวณตัวรับที่ถูกติดตั้งเอาไว้ในเบาะที่นั่งของรถยนต์ ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้เป็นวิธีการที่มีรูปแบบในการทำงานที่คล้ายกัน แต่มีชื่อเรียก รวมถึงมีรูปแบบของตัวล็อก และวิธีในการติดตั้งคาร์ซีทที่ค่อนข้างแตกต่างกันออกไปตามแต่ละภูมิภาคที่ได้มีการผลิตคาร์ซีทขึ้นมา โดยทางฝั่งอเมริกามีการเรียกระบบการติดตั้งคาร์ซีทในรูปแบบดังกล่าวนี้ว่า ระบบ latch ในขณะที่ทางฝั่งยุโรปมีการเรียกระบบการติดตั้งดังกล่าวนี้ว่าระบบ isofix

        โดยข้อแตกต่างของการติดตั้งคาร์ซีทในระบบ latch และระบบ isofix นั้นจะมีความแตกต่างกันตรงที่ลักษณะของตัวยึดที่บริเวณฐานของคาร์ซีท isofix นั้นจะทำขึ้นมาจากเหล็กที่มีความแข็งแรงคงทน และสามารถทำการล็อกตัวคาร์ซีทเข้ากับเบาะของรถยนต์ได้อย่างแน่นหนามากกว่า ในขณะที่คาร์ซีทในระบบ latch จะมีลักษณะของตัวยึดที่คล้ายคลึงกันกับสายรัดนิรภัยจึงทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานที่มากกว่า ซึ่งโดยทั่วไปแล้วรถยนต์ที่ถูกผลิตในยุโรปส่วนใหญ่จะไม่สามารถรองรับการติดตั้งคาร์ซีทในระบบ latch ได้ เช่นเดียวกันกับรถยนต์ที่ถูกผลิตในอเมริกาส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถรองรับการติดตั้งคาร์ซีท isofix ได้เช่นกัน แต่สำหรับรถยนต์บางรุ่นที่ถูกผลิตในอเมริกานั้นอาจสามารถรองรับการติดตั้งคาร์ซีท isofix ได้แบบพอดี แต่อย่างไรก็ตามคุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองทุกท่าน ก็ควรเลือกใช้งานคาร์ซีทที่มีระบบการติดตั้งคาร์ซีทที่เหมาะสมกับรถยนต์ของตนเอง เพื่อการติดตั้งคาร์ซีทได้อย่างแน่นหนาเพื่อความปลอดภัยที่มากที่สุดสำหรับลูกน้อย

 

        โดย Britax คือ บริษัทผู้ผลิตคาร์ซีท (Car Seat) จากเยอรมันที่ปลอดภัยที่สุด ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอย่าง ECE R44 และ ECE R129 หรือ i-Size และระบบคาร์ซีท ISOFIX รายแรกของโลก อีกทั้งยังได้รางวัลการันตีความปลอดภัยอีกมากมายจากหลายสถาบันในอุตสาหกรรมรถยนต์ และที่ Britax Thailand เราให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้รับสินค้าที่มีการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านสามารถไว้วางใจในคุณภาพและความสบายของลูกน้อยในระหว่างการใช้งานคาร์ซีท และ รถเข็นเด็ก ทุกรุ่นของ Britax ได้เป็นอย่างดีเสมอ และเรายังมีบริการดูแลและรับประกันสินค้าถึง 24 เดือนในกรณีสินค้าชำรุดสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันสินค้าได้ทางหน้าเว็บไซต์ทันที


สอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อ

Call center : 02 538 6700

Call center : 084 388 3887

Email : Info@BritaxThailand.com

Line: @britaxthailand

 

Visitors: 734,962