คาร์ซีทเด็กสำหรับแต่ละช่วงอายุแตกต่างกันอย่างไร

คาร์ซีทเด็กสำหรับแต่ละช่วงอายุแตกต่างกันอย่างไร

ทำไมต้องเลือกคาร์ซีทเด็กให้เหมาะกับช่วงอายุ

คาร์ซีท

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมคาร์ซีทเด็ก (Car Seat) หรือเบาะที่นั่งเสริมความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ของเด็ก ๆ ที่มีวางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดนั้นถึงได้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อให้มีรูปแบบ วิธีการใช้งาน รวมถึงขนาดที่แตกต่างกันออกไปมากมาย ทั้งคาร์ซีทเด็กแรกเกิด คาร์ซีทเด็กเล็ก คาร์ซีทเด็กโต หรือบูสเตอร์ซีท (Booster seat) เพื่อการนำมาใช้งานให้เหมาะสมกับ "ช่วงวัย" ที่แตกต่างกันออกไปของเด็ก ๆ ที่เป็นผู้ใช้งานคาร์ซีททุกคน

แล้วจะเป็นอะไรไหม ? ถ้าหากเราไม่ได้มีการเลือกซื้อคาร์ซีทเด็กให้เหมาะกับช่วงอายุของลูกน้อย รวมถึงไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของคาร์ซีทให้กับลูกน้อยเมื่อลูกน้อยมีอายุ น้ำหนักตัว หรือส่วนสูงที่มากเกินกว่าเกณฑ์ที่คาร์ซีทเด็กที่ได้ทำการเลือกซื้อมานั้นได้มีการกำหนดเอาไว้ ? ลองมาหาคำตอบของทุกข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้ได้เลยว่า ทำไมคุณพ่อคุณแม่ทุกคนถึงควรเลือกซื้อคาร์ซีทเด็ก (Car Seat) ให้เหมาะสมกับเด็ก ๆ ในแต่ละช่วงอายุ


ทำไมควรเลือกใช้งานคาร์ซีท (Car Seat) ให้เหมาะกับเด็ก ๆ ในแต่ละช่วงอายุ

1. เด็ก ๆ ในแต่ละช่วงวัยมีสรีระร่างกายที่แตกต่างกัน

หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของอุปกรณ์จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์อย่างคาร์ซีทเด็ก (Car Seat) คือ การช่วยให้ทั้งทารกวัยแรกเกิด เด็กเล็ก และเด็กโตทุกคนที่นั่งอยู่บนเบาะที่นั่งของคาร์ซีทนั้น ได้รับการปกป้องอย่างปลอดภัยที่สุดในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่คาดฝัน เพราะฉะนั้นแล้วคาร์ซีทเด็กจึงจำเป็นที่จะต้องถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีรูปแบบและขนาดที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถรองรับกับสรีระร่างกายของเด็ก ๆ ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละช่วงวัย รวมไปถึงเพื่อเป็นการช่วยให้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านความปลอดภัยต่าง ๆ ที่ถูกติดตั้งเอาไว้ที่คาร์ซีทเด็กแรกเกิด รวมถึงคาร์ซีทเด็กโตทุกตัว สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อการช่วยเพิ่มความปลอดภัยและช่วยลดความรุนแรงในการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ยกตัวอย่างเช่น การใช้งานเทคโนโลยีสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด (5-point harness) ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากที่สุดในการช่วยยึดจับตัวเด็กเอาไว้กับเบาะที่นั่งคาร์ซีท เพราะฉะนั้นแล้วรูปแบบและขนาดของสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุดจึงจำเป็นที่จะต้องถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานเพื่อคาดผ่านสรีระของเด็ก ๆ ในแต่ละช่วงวัยได้แบบพอดี เพื่อให้ช่วยลดความรุนแรงในการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพราะถ้าหากสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุดมีความหลวมหรือมีความแน่นจนเกินไปนั้น ก็อาจจะทำให้สายรัดนิรภัยแบบ 5 จุดไม่สามารถยึดตัวเด็กเอาไว้กับเบาะที่นั่งของคาร์ซีท และช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายของเด็ก ๆ กระแทกเข้ากับชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในรถยนต์ หรือกระเด็นออกไปนอกตัวรถได้

 

2. เด็ก ๆ ในแต่ละช่วงวัยต้องการได้รับการปกป้องในรูปแบบที่แตกต่างกัน

เพราะเด็ก ๆ ในแต่ละช่วงวัยมีพัฒนาการและการเจริญเติบโตทางด้านร่างกายที่แตกต่างกัน ส่งผลให้เด็ก ๆ ทุกคนจึงต้องการที่จะได้รับการปกป้องในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นแล้วคาร์ซีทเด็ก (Car Seat) จึงจำเป็นที่จะต้องถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีรูปแบบและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละช่วงวัยของเด็ก ๆ เพื่อช่วยให้คาร์ซีทเด็กสามารถตอบสนองต่อความต้องการในการใช้งานที่หลากหลาย และการช่วยปกป้องเด็ก ๆ ทุกคนที่นั่งอยู่บนเบาะที่นั่งของคาร์ซีทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

คาร์ซีทเด็กแรกเกิด ช่วงวัยแรกเกิดเป็นช่วงวัยที่จำเป็นจะต้องได้รับการปกป้องและดูแลแบบพิเศษในทุก ๆ ด้าน เพื่อการช่วยส่งเสริมให้ทารกทุกคนมีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ตามช่วงวัย เพราะฉะนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่าคาร์ซีทเด็กแรกเกิดนั้นเป็นคาร์ซีทที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้หันหน้าเข้าหาเบาะที่นั่ง (Rearward Facing) ให้ช่วยปกป้องไม่ให้ศีรษะและช่วงลำคอของเด็ก ๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนที่มีความบอบบางมากที่สุดสำหรับทารกวัยแรกเกิด ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนอาจทำให้เด็ก ๆ ถึงแก่ชีวิตได้

คาร์ซีทเด็กเล็ก และคาร์ซีทเด็กโต เมื่อเด็ก ๆ เติบโตและมีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่แข็งแรงและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้รูปแบบการติดตั้งคาร์ซีทเด็กจึงถูกปรับเปลี่ยนให้มาเป็นแบบหันหน้าออกจากเบาะที่นั่ง (Forward Facing) เพื่อให้เหมาะกับสรีระร่างกาย และเพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการการเรียนรู้ต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการออกแบบเทคโนโลยีความปลอดภัยในคาร์ซีทเด็กเล็กและคาร์ซีทเด็กโตก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้มาอยู่ที่ในรูปแบบของการให้ความสำคัญกับการช่วยปกป้องที่บริเวณช่วงอกและหน้าท้องของเด็ก ๆ มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

      


3. เด็ก ๆ ในแต่ละช่วงวัยมีพฤติกรรมการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน

เด็ก ๆ ทุกคนล้วนมีพฤติกรรมการเรียนรู้ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละช่วงวัย ส่งผลให้การเลือกรูปแบบของคาร์ซีทให้มีความเหมาะสมกับเด็ก ๆ ในแต่ละช่วงวัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นแล้วความสำคัญของการออกแบบคาร์ซีทเด็กให้มีทั้งรูปแบบหันหน้าเข้าหาเบาะที่นั่ง (Rearward Facing) สำหรับคาร์ซีทเด็กแรกเกิด และหันหน้าออกจากเบาะที่นั่ง (Forward Facing) สำหรับคาร์ซีทเด็กเล็กและคาร์ซีทเด็กโต จึงไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของการช่วยปกป้องและการช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ทุกคนที่นั่งอยู่บนเบาะที่นั่งของคาร์ซีทในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

เนื่องจากปัจจัยเกี่ยวกับทิศทางในการติดตั้งคาร์ซีทเด็กที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละช่วงวัยนั้นถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ๆ โดยตรง ซึ่งเราจะสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนจากเด็ก ๆ ในช่วงวัยตั้งแต่ 15 เดือนขึ้นไป เพราะสำหรับทารกวัยแรกเกิดที่ใช้เวลากว่า 70-80% ในแต่ละวันไปกับการนอนหลับนั้น การใช้งานคาร์ซีทเด็กแรกเกิดแบบหันหน้าเข้าหาเบาะที่นั่ง (Rearward Facing) หรือแบบหันหน้าออกจากเบาะที่นั่ง (Forward Facing) นั้นจึงไม่ได้มีผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ในช่วงวัยนี้มากเท่าไหร่นัก แต่สำหรับเด็ก ๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยกำลังเรียนรู้ การเลือกให้เด็ก ๆ นั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะที่นั่ง จะทำให้พัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ถูกปิดกั้นซึ่งจะส่งผลต่อการมีพัฒนาการที่ช้าลง ในขณะที่การเลือกให้เด็ก ๆ นั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าออกจากเบาะที่นั่งจะช่วยให้เด็ก ๆ สามารถสังเกตเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ที่ดีมากขึ้นตามไปด้วย


อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้มีคาร์ซีทเด็ก (Car Seat) จากหลากหลายบริษัทผู้ผลิตคาร์ซีท ที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าคาร์ซีทเด็กบางรุ่นนั้นไม่ได้ถูกแบ่งประเภทออกเป็นคาร์ซีทเด็กแรกเกิด คาร์ซีทเด็กเล็ก คาร์ซีทเด็กโต หรือบูสเตอร์ซีท (Booster seat) แบบแยกกันอย่างชัดเจนอีกต่อไป เนื่องจากคาร์ซีทเด็กบางรุ่นสามารถรองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 7 ขวบเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นแล้วในการเลือกซื้อคาร์ซีทเด็กหรือคาร์ซีทเด็กโตทุกครั้ง นอกเหนือไปจากปัจจัยในเรื่องของช่วงอายุที่คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองทุกคนจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญแล้วนั้น ปัจจัยในเรื่องของส่วนสูงและน้ำหนักตัวของเด็ก ๆ ก็ถือได้ว่าเป็นอีกปัจจัยที่มีความสำคัญและควรนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจก่อนการเลือกซื้อคาร์ซีทเด็กแรกเกิด คาร์ซีทเด็กเล็ก คาร์ซีทเด็กโต หรือบูสเตอร์ซีท (Booster seat) ด้วยทุกครั้ง เพื่อให้การใช้งานคาร์ซีทของเด็ก ๆ ทุกคนในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลนั้นเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด


โดย Britax คือ บริษัทผู้ผลิตคาร์ซีทเด็ก (Car Seat) จากเยอรมันที่ปลอดภัยที่สุด ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอย่าง ECE R44 และ ECE R129 หรือ i-Size และระบบคาร์ซีท ISOFIX รายแรกของโลก อีกทั้งยังได้รางวัลการันตีความปลอดภัยอีกมากมายจากหลายสถาบันในอุตสาหกรรมรถยนต์ และที่ Britax Thailand เราให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้รับสินค้าที่มีการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านสามารถไว้วางใจในคุณภาพและความสบายของลูกน้อยในระหว่างการใช้งานคาร์ซีท คาร์ซีทเด็กแรกเกิด และ รถเข็นเด็ก ทุกรุ่นของ Britax ได้เป็นอย่างดีเสมอ และเรายังมีบริการดูแลและรับประกันสินค้าถึง 24 เดือนในกรณีสินค้าชำรุดสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันสินค้าได้ทางหน้าเว็บไซต์ทันที


สอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อ

Call center : 02 538 6700

Call center : 084 388 3887

Email : Info@BritaxThailand.com

Line: @britaxthailand

 

Visitors: 737,102