ทำความรู้จัก 2 มาตรฐานสำคัญสำหรับคาร์ซีทยุโรป

ทำความรู้จัก 2 มาตรฐานสำคัญสำหรับคาร์ซีทยุโรป

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับมาตรฐานคาร์ซีทยุโรป

 

ในการเลือกซื้อคาร์ซีท (Car seat) หรือเบาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กมาให้ลูกน้อยของตัวเองได้ใช้งานในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล สิ่งที่คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองล้วนคาดหวังและต้องการมากที่สุดในการเลือกซื้อคาร์ซีทเด็ก รวมถึงบูสเตอร์ซีท คือ ความสามารถในการช่วยป้องกัน รวมไปถึงการช่วยลดความรุนแรงและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ ทุกคนที่นั่งอยู่บนเบาะที่นั่งคาร์ซีทในขณะที่เกิดอุบัติทางรถยนต์ที่ไม่คาดฝันที่นำไปสู่การชน การพลิกคว่ำ การกระแทก หรือการปะทะกันอย่างรุนแรง

เพราะฉะนั้นแล้วการกำหนดมาตรฐานที่มีความเป็นสากลขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทเด็กและบูสเตอร์ซีททุกตัว จึงถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองทุกคนสามารถไว้วางใจถึงประสิทธิภาพในการใช้งานและความสามารถในการช่วยสร้างเสริมความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ทุกคนของคาร์ซีทเด็กได้มากยิ่งขึ้น โดยในวันนี้ Britax Thailand จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับมาตรฐานสำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทจากสหภาพยุโรป ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

มาตรฐานคาร์ซีทยุโรปที่ควรรู้

มาตรฐานด้านความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทเด็กจากสหภาพยุโรป ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในมาตรฐานสำคัญในระดับสากลที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้เพื่อการตรวจสอบความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทอย่างแพร่หลาย โดยในปัจจุบันนี้มาตรฐานของคาร์ซีทที่ถูกผลิตขึ้นในยุโรปสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 มาตรฐานหลัก ๆ ได้แก่ มาตรฐาน ECE R44/04 และ มาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size

1. มาตรฐาน ECE R44/04

มาตรฐาน ECE R44/04 ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานคาร์ซีทมาตรฐานแรกที่ได้ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อนำมาใช้เป็นข้อบังคับในการตรวจสอบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานในการใช้งานคาร์ซีทและบูสเตอร์ซีทสำหรับเด็กตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับกฏหมายข้อบังคับของสหภาพยุโรปที่ได้มีการกำหนดว่าเด็กทุกคนที่มีอายุน้อยกว่า 12 ปี หรือเด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 36 กิโลกรัม หรือมีส่วนสูงน้อยกว่า 135 เซนติเมตร จำเป็นที่จะต้องใช้งานคาร์ซีทเด็กในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลเพื่อความปลอดภัย โดยสำหรับมาตรฐาน ECE R44/04 ของคาร์ซีทยุโรปนั้นจะมีการกำหนดและแบ่งประเภทของคาร์ซีทเด็กออกเป็นทั้งหมด 3 กลุ่มหลัก ๆ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับขนาดตัวของเด็ก ๆ ในแต่ละช่วงวัยที่มีความแตกต่างกันออกไป ได้แก่ groups 0+ (สำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 0-13 กิโลกรัม), groups 1 (สำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 9-18 กิโลกรัม, และ groups 2/3 (สำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 15-36 กิโลกรัม)

ซึ่งคาร์ซีทเด็กที่ผ่านการทดสอบเกี่ยวกับการชนจากด้านหน้าและด้านหลัง รวมไปถึงการทดสอบการพลิกคว่ำหลายตลบ (Rollover Test) ตามมาตรฐาน ECE R44/04 จะได้รับแถบสติกเกอร์สีส้ม ที่มีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับคาร์ซีทเด็กที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น รหัสตามมาตรฐานอ้างอิงที่ใช้ในการผลิตคาร์ซีท, ประเทศที่ได้รับการอนุมัติ (1 = เยอรมนี 2 = ฝรั่งเศส 3 = อิตาลี 4 = เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ), รายละเอียดของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตคาร์ซีท, รวมไปถึงสัญลักษณ์ อย่างเช่น "Y" ที่แสดงให้เห็นว่าเบาะที่นั่งคาร์ซีทสำหรับเด็กมีระบบการช่วยรักษาความปลอดภัยในการใช้งานด้วยระบบสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด (5-point harness) มาใช้ติดบนตัวคาร์ซีท เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ในการยืนยันว่าคาร์ซีทตัวดังกล่าวผ่านการทดสอบความปลอดภัยในการใช้งานตามมาตรฐานสากลอย่างแท้จริง


2. มาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size

มาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทจากสหภาพยุโรปที่ได้ถูกกำหนดขึ้นมาใหม่ เพื่อจุดประสงค์สำคัญในการช่วยยกระดับมาตรฐานในการทดสอบความปลอดภัยในด้านการชนของคาร์ซีทตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ในปัจจุบันนี้มาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size จึงถือได้ว่าเป็นมาตรฐานที่ได้รับการประกาศให้มีการนำมาใช้งานร่วมกับมาตรฐาน ECE R44/04 Child Restraint Systems โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2556 เป็นต้นไป ซึ่งจะสามารถสังเกตได้จากการที่คาร์ซีทส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้มักจะมีแถบสติกเกอร์สีส้มที่ถูกนำมาติดตั้งคู่กับป้ายรับรองมาตรฐานสีส้มที่มีการระบุคำว่า i-Size อย่างชัดเจนอยู่เสมอ

โดยสำหรับคาร์ซีทที่จะผ่านการทดสอบเกี่ยวกับมาตรฐานในด้านของความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทขั้นพื้นฐานตามที่มาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size ได้มีการกำหนดไว้ จำเป็นที่จะต้องเป็นคาร์ซีทที่มีคุณสมบัติในการรองรับแรงกระแทกที่บริเวณด้านข้างตัวรถในระหว่างที่กำลังเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งคาร์ซีทที่จะผ่านมาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size ยังจำเป็นที่จะต้องเป็นคาร์ซีท isofix ที่มีระบบการติดตั้งคาร์ซีทเพื่อการใช้งานได้สะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยลดและป้องกันการเกิดปัญหาเบาะคาร์ซีทหลุดออกจากสายรัดหรือตัวยึดซึ่งเป็นผลมาจากการติดตั้งคาร์ซีทเด็กเพื่อการใช้งานอย่างไม่ถูกวิธีของคุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองมือใหม่หลาย ๆ คน เพื่อความปลอดภัยที่มากที่สุดของเด็ก ๆ ทุกคนในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

      

แนะนำคาร์ซีทคุณภาพมาตรฐานคาร์ซีทยุโรป

คาร์ซีท Britax รุ่น DUALFIX i-SIZE

คาร์ซีท Britax รุ่น DUALFIX i-SIZE เป็นคาร์ซีทเด็กคุณภาพสูงที่บริเวณเบาะที่นั่งของคาร์ซีทถูกออกแบบมาให้มีความนุ่มสบายที่มากเป็นพิเศษ พร้อมรองรับการนั่งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะที่นั่ง (Rearward Facing) เพื่อให้เหมาะสำหรับการนำมาใช้งานร่วมกับทารกวัยแรกเกิดไปจนถึงอายุ 4 ปี ได้อย่างสะดวกสบาย รวมถึงสามารถช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ทุกคนได้แบบเต็มพิกัด ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะจากทาง Britax ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งมาตรฐาน ECE R44/04 และ มาตรฐาน i-Size จึงทำให้คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครองทุกคนสามารถไว้วางใจถึงความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทเด็กได้เป็นอย่างดี 

คาร์ซีท Britax รุ่น TRIFIX2 i-SIZE

ขยับขึ้นมาที่คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กที่มีอายุตั้งแต่ 15 เดือนไปจนถึง 4 ปีกันบ้าง โดยคาร์ซีท Britax รุ่น TRIFIX2 i-SIZE ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นของคาร์ซีทที่ได้รับความนิยมจากคุณพ่อและคุณแม่มือใหม่หลาย ๆ คนเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยจุดเด่นในด้านของเทคโนโลยีในด้านของความปลอดภัยในการใช้งานคาร์ซีทเด็กมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด (5-point harness), เทคโนโลยี V-shaped หรือการออกแบบที่รองศีรษะให้อยู่ในรูปของตัววีเพื่อช่วยรองรับสรีระร่างกายได้ดีมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยี Pivot Link ISOFIX System ที่ช่วยกระจายแรงกระแทกในขณะเกิดอุบัติเหตุ ที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ทุกคนที่นั่งอยู่บนเบาะที่นั่งคาร์ซีทได้รับบาดเจ็บน้อยลงในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันทางรถยนต์

โดย Britax คือ บริษัทผู้ผลิตคาร์ซีทเด็ก (Car Seat) และรถเข็นเด็ก จากเยอรมันที่ปลอดภัยที่สุด ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอย่าง ECE R44 และ ECE R129 หรือ i-Size และระบบคาร์ซีท ISOFIX รายแรกของโลก อีกทั้งยังได้รางวัลการันตีความปลอดภัยอีกมากมายจากหลายสถาบันในอุตสาหกรรมรถยนต์ และที่ Britax Thailand เราให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้รับสินค้าที่มีการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านสามารถไว้วางใจในคุณภาพและความสบายของลูกน้อยในระหว่างการใช้งานคาร์ซีท คาร์ซีทเด็กแรกเกิด และ รถเข็นเด็ก ทุกรุ่นของ Britax ได้เป็นอย่างดีเสมอ และเรายังมีบริการดูแลและรับประกันสินค้าถึง 24 เดือนในกรณีสินค้าชำรุดสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันสินค้าได้ทางหน้าเว็บไซต์ทันที


สอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อ

Call center : 02 538 6700

Call center : 084 388 3887

Email : Info@BritaxThailand.com

Line: @britaxthailand

 

Visitors: 736,848