คาร์ซีทไม่ได้มาตรฐาน อย่าใช้ !!

คาร์ซีทไม่ได้มาตรฐาน อย่าใช้!!

คาร์ซีทไม่ได้มาตรฐาน เสี่ยงต่อลูกน้อยอย่างไรบ้าง

 

 การเลือกใช้งานอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์แบบส่วนตัวอย่าง คาร์ซีท (car seatหรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กเพื่อการเดินทางอย่างปลอดภัยในรถยนต์ เป็นสิ่งที่คุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองที่มีลูกน้อยอยู่ในวัยทารกแรกเกิดไปจนถึงวัยเด็กโตหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะในทุกการเดินทางด้วยรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางระยะใกล้หรือการเดินทางระยะไกลนั้น อุบัติเหตุบนท้องถนนก็สามารถเกิดขึ้นกับเราได้ทุกที่ ทุกเวลา อย่างไม่มีข้อแม้ เพราะฉะนั้นแล้วการใช้คาร์ซีทจึงเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการช่วยเพิ่มความปลอดภัยและช่วยป้องกันลูกน้อยจากอันตรายและการบาดเจ็บที่รุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุไม่คาดฝันในระหว่างการโดยสารรถยนต์ส่วนตัว 

 

            เราจึงเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้มีบริษัทผู้ผลิตคาร์ซีทมากมายมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมาใช้ในการผลิตคาร์ซีทเด็กเพื่อเป็นการช่วยเพิ่มความสามารถในการป้องกันความปลอดภัย และช่วยให้คาร์ซีทสามารถรองรับสุขภาวะการนั่งของเด็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เด็ก ๆ ทุกคนสามารถนั่งบนคาร์ซีทได้อย่างสะดวกสบายตลอดการเดินทาง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่มือใหม่จำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญนอกเหนือไปจากการเลือกใช้งานคาร์ซีทที่ถูกผลิตขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยนั้น คือ มาตรฐานด้านความปลอดภัยของคาร์ซีทเด็ก เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าในบรรดาคาร์ซีทประเภทต่าง ๆ ที่มีวางจำหน่ายอยู่มากมายในท้องตลาดนั้น มีคาร์ซีทจำนวนไม่น้อยที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยในระดับสากล จนส่งผลให้การใช้งานคาร์ซีทที่ควรจะเป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ในระหว่างการเดินทางนั้น กลับกลายมาเป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่รุนแรงให้กับเด็กๆ มากขึ้น มาดูไปพร้อมๆกันเลยว่า หากมีการใช้งานคาร์ซีทที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากลนั้นจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับลูกน้อยได้อย่างไรบ้าง


 

 

 

 คาร์ซีทไม่ได้มาตรฐานเสี่ยงต่อความปลอดภัยในการใช้งานที่ลดลง 

            ในการติดตั้งและใช้งานคาร์ซีทสำหรับเด็กในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ความปลอดภัยของคาร์ซีทถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ในวัยตั้งแต่ทารกแรกเกิดไปจนถึงวัยเด็กโตสามารถเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยของคาร์ซีทนั้นถือเป็นสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านไม่อาจสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า แม้ว่าลักษณะภายนอกของคาร์ซีทเด็กนั้นจะดูมีความแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัย แต่เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าส่วนประกอบหรือระบบการทำงานอื่น ๆ ของคาร์ซีทนั้นสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจริงหรือไม่

 

            ยกตัวอย่างเช่น การใช้งานคาร์ซีท isofix แม้ว่าคาร์ซีท isofix จะเป็นคาร์ซีทที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานในด้านความปลอดภัยของตัวเด็กเล็กและทารกทุกคน และเป็นการช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดตั้งคาร์ซีทเพื่อให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกคนสามารถติดตั้งคาร์ซีทเด็กได้อย่างถูกวิธี เพื่อการใช้งานคาร์ซีทได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด แต่ถ้าหากคาร์ซีท isofix นั้นถูกผลิตขึ้นมาด้วยกระบวนการและขั้นตอนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุในการผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ ก็อาจทำให้คาร์ซีท isofix ที่ควรจะมีความปลอดภัยมากที่สุดนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาการติดตั้งฐานเหล็กในบริเวณใต้คาร์ซีท isofix ที่ไม่แน่นหนา หรือปัญหาด้านความแข็งแรงของตัวล็อก isofix ที่อยู่บนคาร์ซีท ซึ่งอาจเป็นปัญหาที่ส่งผลให้คาร์ซีทไม่สามารถล็อกติดเข้ากับฐานโลหะที่อยู่ในบริเวณเบาะที่นั่งของรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเพียงพอจนอาจนำไปสู่การที่คาร์ซีทเด็กอาจหลุดออกจากฐาน isofix หากมีการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่รุนแรงได้ 

 


 

คาร์ซีทไม่ได้มาตรฐานเสี่ยงต่อความสามารถในการปกป้องลูกน้อยจากอุบัติเหตุ

ที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ

            เพื่อการป้องกันเด็กเล็กและทารกทุกคนให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์จากการชนหรือการกระแทกของรถยนต์ที่ไม่คาดฝัน บริษัทผู้ผลิตคาร์ซีทเด็กจึงมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายเข้ามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการและขั้นตอนการผลิตคาร์ซีทเพื่อให้ได้คาร์ซีทที่สามารถช่วยเพิ่มการปกป้องให้กับเด็ก ๆ จากอันตรายที่เกิดขึ้นจากการชน การกระแทก หรือการพลิกคว่ำระหว่างการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ไม่คาดฝันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณพ่อหรือคุณแม่มีการเลือกใช้งานคาร์ซีทเด็กที่ไม่ได้มาตรฐานในระดับสากล ก็อาจส่งผลให้ความสามารถในการปกป้องลูกน้อยในระหว่างการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันนั้นลดลง หรือในกรณีที่ร้ายแรงกว่านั้น การใช้งานคาร์ซีทที่ไม่ได้มาตรฐานก็อาจจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับลูกน้อยโดยที่เราไม่รู้ตัวได้

            ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีการทำงานของระบบสายรัดนิรภัยในคาร์ซีท คาร์ซีทเด็กที่ได้มาตรฐานจำเป็นที่จะต้องมีระบบสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด คือ บริเวณไหล่ทั้ง 2 ข้าง บริเวณสะโพกทั้ง 2 ข้าง และบริเวณหัวเข็มขัดที่ยกขึ้นมาระหว่างขาทั้งสองข้าง ที่สามารถช่วยในการกระจายแรงที่เกิดขึ้นจากการชนหรือการกระแทกไปตามแต่ละจุดของสายรัด แล้วทำการส่งผ่านแรงเหล่านั้นไปยังเบาะที่นั่งของคาร์ซีทเพื่อเป็นการช่วยลดความรุนแรงของแรงกระแทกที่อาจจะทำให้ลูกน้อยที่นั่งอยู่บนเบาะของคาร์ซีทเกิดการบาดเจ็บที่รุนแรงได้ แต่ในคาร์ซีทที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น ระบบการทำงานของสายรัดนิรภัยอาจมีการทำหน้าที่แค่เพียงช่วยรัดตัวของเด็กเล็กและทารกให้อยู่กับเบาะที่นั่งของคาร์ซีทเพียงเท่านั้น ในกรณีที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุจากการชนหรือการกระแทกที่ไม่คาดฝัน สายรัดนิรภัยของคาร์ซีทที่ไม่ได้มาตรฐานจะไม่มีการทำหน้าที่เพื่อช่วยในการช่วยส่งผ่านแรงกระแทก หรือในกรณีที่ร้ายแรงกว่านั้น สายรัดนิรภัยเหล่านี้อาจเป็นตัวที่ทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกเอาไว้ แล้วส่งผ่านแรงเหล่านั้นสู่ตัวเด็กที่นั่งอยู่บนคาร์ซีทโดยตรงจนทำให้เด็กเล็กและทารกอาจเกิดการบาดเจ็บที่รุนแรงมากขึ้นได้

      



 คาร์ซีทไม่ได้มาตรฐานเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตของลูกน้อย 

            สำหรับเด็กเล็กและทารกแรกเกิดนั้น ถือได้ว่าเป็นช่วงวัยที่อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายยังมีการเจริญเติบโตได้อย่างไม่เต็มที่ จึงทำให้ร่างกายของเด็กเล็กโดยเฉพาะในช่วงบริเวณศีรษะ ลำคอ หน้าท้อง และกระดูกสันหลังนั้นถือได้ว่าเป็นส่วนที่มีความบอบบางมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้การใช้งานคาร์ซีทเด็กที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถรองรับกับสรีรศาสตร์ของเด็กเล็กและทารกได้โดยเฉพาะจึงสามารถช่วยเสริมความปลอดภัย ช่วยป้องกัน และช่วยความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นกับทารกแรกเกิดและเด็กเล็กในระหว่างการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

            ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี SecureGuard หรือ เทคโนโลยีของเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะจากทาง Britax นั้น สามารถช่วยเสริมการปกป้องให้กับเด็กเล็กได้แบบรอบทิศทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในบริเวณหน้าท้องซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบริเวณที่มีความบอบบางมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการชนหรือการกระแทกจากด้านหน้าในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์แบบส่วนตัว SecureGuard จะสามารถช่วยลดความรุนแรงของแรงกระแทกในบริเวณหน้าท้องของเด็กเล็กและทารกได้ แต่ในขณะเดียวกันหากคุณพ่อคุณแม่มีการใช้งานคาร์ซีทที่ไม่ได้มาตรฐาน ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่มีการชนหรือการกระแทกจากด้านหน้าที่รุนแรงก็อาจจะทำให้เข็มขัดนิรภัยที่รัดตัวเด็กเอาไว้นั้นไม่มีความสามารถในการฉุดรั้งตัวเด็กเอาไว้กับเบาะที่นั่งคาร์ซีทจนทำให้บริเวณลำตัวของเด็กเล็กและทารกพุ่งไปยังด้านหน้า และอาจทำให้บริเวณหน้าท้องของเด็กเกิดการกระแทกกับชิ้นส่วนอื่น ๆ บนเบาะคาร์ซีทและอาจนำไปสู่การบาดเจ็บที่รุนแรงจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

            โดย Britax คือบริษัทผู้ผลิตคาร์ซีทจากเยอรมันที่ปลอดภัยที่สุด ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอย่าง ECE R44 และ ECE R129 หรือ i-Size และระบบคาร์ซีท ISOFIX รายแรกของโลก อีกทั้งยังได้รางวัลการันตีความปลอดภัยอีกมากมายจากหลายสถาบันในอุตสาหกรรมรถยนต์ และที่ Britax Thailand เราให้ความเชื่อมั่นกับลูกค้าว่าลูกค้าทุกท่านจะได้รับสินค้าที่มีการรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกท่านสามารถไว้วางใจในคุณภาพและความสบายของลูกน้อยในระหว่างการใช้งานคาร์ซีท และ รถเข็นเด็ก ทุกรุ่นของ Britax ได้เป็นอย่างดีเสมอ และเรายังมีบริการดูแลและรับประกันสินค้าถึง 24 เดือนในกรณีสินค้าชำรุดสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันสินค้าได้ทางหน้าเว็บไซต์ทันที

 

สอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อ

Call center: 02 538 6700

Call center: 084 388 3887

Email : Info@BritaxThailand.com

line: @britaxthailand

 

Visitors: 736,533